กระดานข่าว
วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ก.ย.๖๗ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านศรัทธาตะพง ต.เขาแก้ว อ.ท่าใหม่ จว.จันทบุรี “จัดโครงการศึกษาเรียนรู้นอกสถานที่ สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้นอกห้องเรียนอันเป็นประโยชน์” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๑๐๐ คน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ก.ย.๖๗ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเกาะขวาง (สังวาลย์ราษฎร์รังสรรค์) ต.จันทนิมิต อ.เมือง จว.จันทบุรี ระดับชั้นอนุบาลปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖“จัดกิจกรรมทัศนศึกษาให้กับนักเรียนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้นอกห้องเรียนอันเป็นประโยชน์” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๑๓๘ คน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ก.ย.๖๗ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรีได้กำหนดจัดกิจกรรมจิตอาสา ๓ ศาสนาสามัคคี นำคณะครูและนักเรียนเด็กเยาวชน และศาสนิกชน ๓ ศาสนา “ภายใต้โครงการ ศาสนิกสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๕๐ คน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ส.ค.๖๗ คณะครูและนักเรียนศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนายายอาม อ.นายายอาม จว.จันทบุรี “จัดโครงการค่ายพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนรู้ศึกษาแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๗” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๕๐ คน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๑๑ )
พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จักรพรรดิ์นโปเลียนที่ ๓ แห่งฝรั่งเศส
( Napoléon III, พ.ศ.๒๓๙๔ - ๒๔๑๔
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับฝรั่งเศสได้ลดน้อยลงมาก เมื่อสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในสมัยรัตนโกสินทร์ ฝรั่งเศสกลับมาฟื้นฟูพระราชไมตรีกับไทยอีกครั้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อติดต่อค้าขาย สร้างอิทธิพลและผลประโยชน์แข่งกับอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเองก็มีพระราชดำริว่า การผูกมิตรกับบรรดามหาอำนาจเป็นความจำเป็น เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจ และมิให้ชาติหนึ่งชาติใดมีบทบาทมากเกินไป ดังนั้น พระองค์จึงโปรดให้มีการติดต่อกับฝรั่งเศส แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมิได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น
ใน พ.ศ.๒๓๙๙ จักรพรรดิ์นโปเลียนที่ ๓ โปรดให้ชาร์ล เดอ มองตินยี่ (Charles de Montigny) กงสุลฝรั่งเศสประจำเซียงไฮ้ เป็นผู้แทนผู้มีอำนาจเต็มมาเจรจาทำสนธิสัญญาพระราชไมตรีและการค้า คณะราชทูตฝรั่งเศสชุดนี้ได้ประสบความสำเร็จในการสถาปนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
พระราชวังฟองเตนโบล
ใน พ.ศ.๒๔๐๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้คณะราชทูตไทยอัญเชิญพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการไปถวายจักรพรรดิ์นโปเลียนที่ ๓ เพื่อเจริญพระราชไมตรีกับฝรั่งเศส คณะราชทูตไทยประกอบด้วยพระยาศรีพิพัฒน์ราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค) เป็นราชทูต จมื่นไวยวรนาถ (วอน บุนนาค) เป็นอุปทูต และพระณรงค์วิชิต (จอน บุนนาค) เป็นตรีทูต และเป็นผู้จดบันทึกการเดินทางในครั้งนี้ คณะราชทูตไทยลง เรือรบฝรั่งเศสชื่อ จีโรงเดอะ (Gironde) ที่ฝรั่งเศสจัดมารับที่นอกสันดอน โดยพิธีการอัญเชิญพระราชสาสน์ลงเรือรบฝรั่งเศสนั้นจัดเป็นพิธีการอย่างสมพระเกียรติยศ และในวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๐๔ คณะราชทูตไทยได้เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการแด่จักรพรรดิ์นโปเลียนที่ ๓ ณ พระราชวังฟองเตนโบล ฝรั่งเศสได้ต้อนรับคณะราชทูตเป็นอย่างดี
พระยาศรีพิพัฒน์ราชโกษาธิบดี
จมื่นไวยวรนาถ
พระณรงค์วิชิต
คณะราชทูตไทยเข้าเฝ้าจักรพรรดิ์นโปเลียนที่ ๓
ณ พระราชวังฟองเตนโบล เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๔
คณะราชทูตไทยที่เดินทางไปถวายพระราชสาส์นแด่จักรพรรดิ์นโปเลียนที่ ๓
ณ พระราชวังฟองเตนโบล
ส่วนหนึ่งของเครื่องราชบรรณาการที่นำไปทูลเกล้าฯ ถวายจักรพรรดิ์นโปเลียนที่ ๓ แห่งฝรั่งเศส
การตั้งสถานกงสุลฝรั่งเศส
ตามสนธิสัญญาพระราชไมตรี ฝรั่งเศสได้ตั้งกงสุลฝรั่งเศสประจำกรุงเทพฯ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๓๙๙ ซึ่งกงสุลฝรั่งเศสคนแรกคือ กงต์ เดอ กาสเตลโน (Comte de Castelnau) หลังจากนั้นมีกงสุลฝรั่งเศสประจำราชอาณาจักรสยามอีกหลายท่าน ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๐๖ นายกาเบรียล โอบาเร่ต์ (Gabriel Aubaret) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกงสุล
สถานกงสุลฝรั่งเศสประจำประเทศไทยตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่เช่า ๔ ไร่ ๒ งาน ๘๖ ตารางวา เป็นอาคารโรงภาษีเก่า และได้เป็นทำเนียบถาวรของผู้แทนฝรั่งเศสตั้งแต่นั้นมา ต่อมาในวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๑๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานที่ดินผืนนี้ให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ใน พ.ศ.๒๔๖๘ หรือ อีก ๕๐ ปี ต่อมาทางการไทยได้จัดทำโฉนดที่ดินเพื่อยืนยันกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลฝรั่งเศสในการถือครองพื้นที่ทั้งหมด สถานกงสุลฝรั่งเศสประจำประเทศไทยตั้งอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้เรื่อยมาปัจจุบันคือสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย
สถานกงสุลฝรั่งเศสสมัยรัชกาลที่ ๔
ปัจจุบันคือสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย
กงต์ เดอ กาสเตสโน
( Comte de Castelnau)
อาคารสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยเป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี ก่อสร้างโดยช่างชาวอิตาเลียน เป็นอาคารยกพื้นสูง และมีระเบียงด้านหน้าหันสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ตัวอาคารที่หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการคมนาคมทางน้ำในอดีต
การเสียดินแดนให้แก่ฝรั่งเศส
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับการขยายตัวของมหาอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและฝรั่งเศส ทั้งสองประเทศแข่งขันกันทั้งในด้านการค้าและการเมือง ฝรั่งเศสได้เริ่มต้นการล่าเมืองขึ้นในอินโดจีนเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ ญวนเป็นเป้าหมายแรกที่ฝรั่งเศสต้องการ หลังจากฝรั่งเศสยึดไซง่อน และดินแดนบางส่วนในญวนใต้ (โคชินไชน่า) จากญวนแล้วใน พ.ศ.๒๔๐๒ มีการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างฝรั่งเศสกับญวนใน พ.ศ.๒๔๐๕ โดยญวนยกดินแดนปากแม่น้ำโขงที่เรียกว่าโคชินไชน่า (Cochinchina) ให้แก่ฝรั่งเศส พร้อมทั้งสัญญาว่าจะไม่ยกดินแดนดังกล่าวให้ผู้ใดหากฝรั่งเศสไม่ยินยอม ฝรั่งเศสจึงได้ใช้ดินแดนนั้นเป็นที่มั่นในการขยายอิทธิพลเข้าไปในเขมรซึ่งเป็นประเทศราชของไทยในสมัยนั้น โดยอ้างว่าตนเป็นผู้สืบต่อรับสิทธิ์ญวนเหนือเขมร ฝรั่งเศสถือว่าเขมรเคยเป็นประเทศราชของญวนมาก่อนและเคยส่งเครื่องราชบรรณาการให้ญวนเหมือนที่ส่งให้ไทย ดังนั้น ฝรั่งเศสจึงต้องมีสิทธิ์ปกครองเขมรในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของญวน สำหรับสาเหตุที่ฝรั่งเศสสนใจเขมรเป็นอย่างมากเนื่องจาก
ภาพกองทหารของฝรั่งเศสเข้าโจมตีเมืองไซง่อนของญวน
เขมรเป็นดินแดนที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน ฝรั่งเศสหวังจะใช้แม่น้ำโขงเป็นทางที่นำฝรั่งเศสไปยังประเทศจีนโดยเฉพาะแคว้นยูนนานที่ฝรั่งเศสคาดว่าจะเป็นตลาดการค้าที่สำคัญ
การประมงเป็นกิจกรรมใหญ่ตามชายทะเลสาบเขมร ทำให้เขมรมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ
เขมรจะช่วยส่งเสริมให้ญวนใต้ที่ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมีความมั่นคงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และใช้เป็นบันไดสำคัญในการขยายอาณาเขตของฝรั่งเศสไปทางภาคเหนือ อีกทั้งเขมรยังเป็นศูนย์กลางของเสบียงอาหารที่สำคัญ เพราะอุดมไปด้วยสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ ปลา ที่ฝรั่งเศสใช้เป็นอาหารสำหรับทหารของตนในญวนใต้