กระดานข่าว
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ก.ย.๖๗ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเกาะขวาง (สังวาลย์ราษฎร์รังสรรค์) ต.จันทนิมิต อ.เมือง จว.จันทบุรี ระดับชั้นอนุบาลปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖“จัดกิจกรรมทัศนศึกษาให้กับนักเรียนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้นอกห้องเรียนอันเป็นประโยชน์” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๑๓๘ คน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ก.ย.๖๗ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรีได้กำหนดจัดกิจกรรมจิตอาสา ๓ ศาสนาสามัคคี นำคณะครูและนักเรียนเด็กเยาวชน และศาสนิกชน ๓ ศาสนา “ภายใต้โครงการ ศาสนิกสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๕๐ คน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ส.ค.๖๗ คณะครูและนักเรียนศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนายายอาม อ.นายายอาม จว.จันทบุรี “จัดโครงการค่ายพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนรู้ศึกษาแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๗” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๕๐ คน
วันพุธที่ ๑๔ ส.ค.๖๗ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ต.ท่าช้าง อ.เมือง จว.จันทบุรี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ “จัดการเรียนรู้โดยใช้ Project based learning ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๗” เข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเข้าเยี่ยมชมอาคารโบราณสถานภายในพื้นที่ค่ายตากสิน จำนวน ๓๐ คน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๖ พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๖๘ )
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖)
หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ ๑ ได้เกิดขึ้นในทวีปยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่น รวมกันเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร สู้รบกับฝ่ายเยอรมนี และออสเตรีย – ฮังการี ประเทศไทยรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงตัดสินพระทัยประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมนี เพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรมและความถูกต้อง และเพื่อแสดงให้โลกรู้ว่าประเทศไทยมิใช่ชนชาติที่ขาดหลักธรรม ป่าเถื่อน ปราศจากความเจริญดังที่ชาวตะวันตกเข้าใจกัน
การเข้าร่วมสงครามของประเทศไทย
เมื่อไทยประกาศเข้าร่วมสงครามแล้ว หน่วยราชการต่าง ๆ ได้รับมอบหมายหน้าที่ ดังนี้
กองทัพเรือ
มีหน้าที่ในการจับกุมและยึดทรัพย์เชลยทางน้ำ ตรวจตรารักษาชายฝั่งทะเลของไทย เมื่อจับยึดมาได้แล้วให้มอบตัวเชลย และทรัพย์สินที่ยึดมาได้จากเชลยให้กองทัพบกดูแล
กองทัพบก
รัฐบาลฝรั่งเศสขอให้รัฐบาลไทยจัดกองทหารออกไปร่วมรบเคียงข้างกับสัมพันธมิตร ทางราชการจึงได้รับสมัครทหารอาสา มีทั้งทหารบกที่รับราชการอยู่แล้ว และประชาชนมาสมัครเป็นทหารอาสา แล้วจัดแบ่งกำลังพลเป็น ๒ กอง คือ กองบินทหารบก และกองทหารบกรถยนต์เป็นจำนวน ๑,๒๘๔ นาย
กองกำลังทหารไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑
ทหารฝ่ายไทยเดินทางมาถึงเมื่องท่ามาร์เซย์ (Marseille)
ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๑
ฝรั่งเศสได้ส่งเรือเอ็มไพร์ (Empire) จากไซ่ง่อนมาที่เกาะสีชัง เพื่อลำเลียงกำลังพลจากไทยไปร่วมทำสงคราม ถึงเมืองมาร์แชลล์ (Marseille) ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๑ กองทัพไทยถูกส่งประจำการแนวหน้าทันที ทำหน้าที่ลำเลียงกำลังให้แก่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ ทั้งกลางวันและกลางคืนท่ามกลางหิมะ สามารถยึดดินแดนของเยอรมนีทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์มาได้ ร่วมกับกองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตร รัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ให้ตรา “ครัวซ์เดอแกร์” (Croix de Guerre) มาประดับธงชัยเฉลิมพล เพื่อเป็นเกียรติแก่กองทหารบกรถยนต์ไทย กับได้ให้ตรานี้แก่ทหารไทย ๒ นาย ที่ได้ตรวจทางกระสุนปืนของข้าศึกด้วยความกล้าหาญ สำหรับกองบินทหารบกนั้นไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมในสมรภูมิครั้งนี้ เพราะสงครามได้ยุติลงเสียก่อน
ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๒ เยอรมนีได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร
สงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงมีอันยุติลง โดยฝายสัมพันธมิตรได้จัดงานฉลองชัยชนะในยุโรป กองทหารบกรถยนต์ของไทยได้รับเกียรติให้เข้าร่วมสวนสนามในมหานครดังนี้
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๒ สวนสนามในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๒ สวนสนามในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๒ สวนสนามในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
ทหารไทยเข้าร่วมสวนสนามกับทหารฝ่ายสัมพันธมิตร
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
วงเวียน ๒๒ กรกฎาคม
อนุสาวรีย์ทหารอาสาเป็นอนุสรณ์
กองทหารอาสาของไทยรุ่นสุดท้ายเดินทางกลับกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๒ ทหารไทยเสียชีวิตไป ๑๙ นาย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้าง “อนุสาวรีย์ทหารอาสา”ไว้ที่บริเวณทิศเหนือของสนามหลวง และสร้าง “วงเวียน ๒๒ กรกฎาคม” เป็นที่ระลึกสำหรับการประกาศสงครามเข้าเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร
การเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑ ให้ผลดีแก่ประเทศเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะผู้ชนะสงคราม ประเทศไทยสามารถเจรจากับมหาอำนาจหลายประเทศเพื่อขอแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมด้านต่าง ๆ ที่สำคัญคือ ปัญหาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และการจำกัดอำนาจการจัดเก็บภาษีของประเทศไทยสำหรับคนและสินค้าต่างด้าว ซึ่งทำให้ไทยเสียเปรียบด้านการค้ามาก มีการเจรจานานถึง ๖ ปี จึงสามารถแก้ไขสนธิสัญญาได้ นอกจากนี้ฝ่ายไทยยังได้รับค่าปฏิกรรมสงครามเป็นเงินจำนวน ๒ ล้านบาท และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสันนิบาต